จุดเช็คอิน สายมูอีสาน ต้องไป

จุดเช็คอิน สายมูอีสาน บอกได้เลยว่าเรื่องมูเตลูกับคนไทย ถือเป็นของคู่กันเลยครับ ไม่ว่าจะไปเที่ยวไหน ก็ขอให้ได้มีการแวะไหว้พระ ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันสักนิดเพื่อความสบายใจ  เลยขอเอาใจเพื่อนสายมูเตลู กับพิกัดทางภาคอีสานที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ ใครที่กำลังวางแผนหาที่เที่ยว ขับรถไหว้พระ ขอพร ต้องไม่พลาดครับ ว่าแต่จะมีที่ไหนกันบ้าง ตามไปดูพร้อมๆ กันเลยครับผมหากจะพูดถึงสิ่งศักดิ์คู่บ้าน คู่เมืองของภาคอีสาน จะต้องมีชื่อของพระธาตุพนมขึ้นมาอย่างแน่นอนครับ ซึ่งพระธาตุพนม หรือที่ชื่อเต็มๆ เรียกว่า วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เป็นศาสนสถานที่แสดงถึงความรุ่งเรืองของพุทธศาสนาในภาคอีสานตั้งแต่โบราณ โดยได้รับการบูรณะซ่อมแซมมาหลายครั้ง เนื่องจากความทรุดโทรมเก่าแก่ รวมไปถึงผลจากภัยพิบัติธรรมชาติ

จนกลายเป็นพระธาตุพนมชื่อดังในปัจจุบันครับ ซึ่งมีความสูง 53 เมตร บนยอดฉัตรเป็นทองคำแท้ที่มีน้ำหนักมากถึง 110 กิโลกรัมเลยล่ะครับ โดยชาวอีสานและผู้ที่มีความศรัทธา มักเดินทางมากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต และยังมีความเชื่อกันว่า ใครที่ได้มาไหว้พระธาตุพนม ถือเป็นผู้มีบุญบารมี และเป็นที่นับหน้าถือตา และที่สำคัญ พระธาตุพนม ยังเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ และเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีวอก ดังนั้นชาววันอาทิตย์และชาวปีวอก ต้องไม่พลาดโอกาสมาสักการะสักครั้งแล้วล่ะครับ

จุดเช็คอิน สายมูอีสาน คำชะโนด จ.อุดรธานี

จุดเช็คอิน สายมูอีสาน จุดหมายปลายทางยอดฮิตของการไปมูเตลูภาคอีสาน จากความเชื่อท้องถิ่นที่เชื่อว่าดินแดนคำชะโนดแห่งนี้ เป็นดินแดนของพญานาคแสนศักดิ์สิทธิ์ โดยมีสะพานเชื่อมระหว่างเกาะคำชะโนดกับผืนแผ่นดินใหญ่ที่เชื่อกันว่าเป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกบาดาลและมนุษย์ โดยเมื่อมาถึงก็ต้องแวะสักการะขอพร เจ้าปู่ศรีสุทโธ และเจ้าย่าศรีปทุม ซึ่งเชื่อว่าเป็นองค์พญานาคที่คุ้มครอง ปกป้องพื้นที่คำชะโนดแห่งนี้อยู่นั่นเองครับ ผู้คนส่วนใหญ่นิยมมาขอพรกันในเรื่องโชคลาภ เงินทอง และกาหลายๆ คนคงรู้จักชื่อถ้ำนาค

จะทำให้ทุกคนได้รู้จักกับอีกถ้ำหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลออกไป ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติภูลังกา มีทั้งความสวยงามและศักดิ์สิทธิ์ นี่คือถ้ำนาคี จุดเด่นของถ้ำนาคีคือลวดลายที่สร้างขึ้นจากธรรมชาติ คล้ายเกล็ดงู หรือที่วิทยาศาสตร์เรียกกันว่า ซันแคร็ก มันเป็นรูปแบบธรรมชาติ นอกจากนี้สีเขียวของต้นมอสยังทำให้สถานที่แห่งนี้มีความสวยงามและเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์อีกด้วย รวมถึงนักบุญที่เชื่อกันว่าอาศัยอยู่ในถ้ำแห่งนี้ด้วย อีกทั้งยังเป็นอาณาเขตของนาคด้วย ภายในถ้ำมีนาคปรกเป็นวัสดุหยกเขียว นักท่องเที่ยวมักแวะมาสวดมนต์ขอพรให้โชคดี

ถ้ำนาคี จ.นครพนม

หลายคนน่าจะคุ้นเคยกับชื่อของถ้ำนาคากันเป็นอย่างดี  จะพาทุกคนไปรู้จะอีกถ้ำหนึ่งที่ไม่ไกลกันครับ ซึ่งอยู่ในอุทยานแห่งชาตภูลังกา และมีความสวยงาม ศักดิ์สิทธิ์ไม่แพ้กัน  นั่นก็คือถ้ำนาคีเองครับ โดยจุดเด่นของถ้ำนาคีก็คือลักษณะลวดลายที่สร้างสรรค์โดยธรรมชาติ คล้ายกับเกร็ดของงู หรือที่ทางวิทยาศาสตร์เรียกลักษณะแบบนี้ว่า Sun Crack นั่นเองครับ ลวดลายทางธรรมชาติ บวกกับสีเขียวของพืชมอส จึงทำให้ที่นี่มีความสวยงาม แปลกตา และมีมนต์เสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร รวมไปถึงความศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อว่าภายในถ้ำแห่งนี้ เป็นพื้นที่ของพญานาคเช่นกันครับ ภายในถ้ำเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปนาคปรก เนื้อหยกสีเขียว ซึ่งผู้ที่เดินทางมาเยี่ยมชมมักจะแวะไหว้ ขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคลครับหรือที่หลายๆ คนเรียกว่า

วัดภูทอก คำว่าภูทอก มาจากภาษาอีสาน แปลว่า ภูเขาเปลี่ยว หากใครมีโอกาสได้มาเยือนวัดนี้ก็จะบอกว่าสมชื่อครับ ด้วยธรรมชาติที่ไม่ธรรมดาของภูเขาลูกนี้ การปีนเพื่อพิชิตยอดเขาจึงถือเป็นบททดสอบศรัทธาของผู้มาเยือนด้วย เพราะต้องขึ้นบันไดไม้ 7 ชั้น วนรอบภูเขาแล้วขึ้นไปด้านบน ทางขึ้นนอกจากจะสวยงามแล้วยังทำให้ตื่นเต้นเร้าใจอีกด้วย หากใครมีโอกาสได้มาเยือนอากาศเย็นๆก็อาจจะได้เจอทะเลหมอกที่ทำให้วัดแห่งนี้สวยงามราวกับอยู่ในสวรรค์อีกด้วย เป็นเส้นทางที่ต้องใช้ทั้งกำลังกายและกำลังใจในการแสวงบุญจริงๆ

วัดเจติยาคีรีวิหาร จ.บึงกาฬ

จุดเช็คอิน สายมูอีสาน หรือที่หลายคนเรียกกันว่า วัดภูทอก นั่นเองครับ ซึ่งคำว่า ภูทอกนั่นก็มาจากภาษาอีสานที่แปลว่า ภูเขาโดดเดี่ยว ซึ่งหากใครได้มีโอกาสมาเยือนที่วัดแห่งนี้ก็จะบอกว่าจริงตามชื่อเลยล่ะครับ ด้วยลักษณะภูเขาโดดเด่นแห่งนี้ จึงทำให้การขึ้นไปพิชิตยังด้านบนถือเป็นเรื่องวัดใจความศรัทธาผู้มาเยือนอีกด้วยครับ เพราะต้องเดินขึ้นบันได้ไม้ที่มีความสูงถึง 7 ชั้น วนรอบเขาขึ้นไปเรื่อยๆ ระหว่างทางที่เดินขึ้นนอกจากจะสวยแล้วยังแอบมีความเสียวเล็กๆ ด้วยนะครับ ซึ่งหากใครได้มีโอกาสมาเยือนในช่วงอากาศเย็นๆ

ก็อาจจะได้พบกับทะเลหมอกด้านบนที่ทำให้วัดแห่งนี้สวยงามราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์ เป็นเส้นทางที่ต้องใช้ทั้งพละกำลังกายและความกล้าของจิตใจในการขึ้นไปแสวงบุญจริงๆ ครับหากใครได้เห็นภาพสถาปัตยกรรมองค์พญานาคขนาดใหญ่ของวัดแห่งนี้แล้วล่ะก็ รับรองว่าต้องสัมผัสได้ถึงความอลังการและแฝงไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของวัดแห่งนี้อย่างแน่นอนครับ โดยภายในวัดป่าภูปัง เป็นที่ประดิษฐานของพระประธานปางมหาจักรพรรดิ์ทรงเครื่อง ซึ่งได้ชื่อว่ามีความสวยงามที่สุดในจังหวัดอุบลราชธานี นอกจากนี้ ยังมีพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุอยู่ภายในโบสถ์ ให้เหล่าพุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชา แน่นอนว่าไฮไลท์เด็ดของวัดนี้ ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือรูปปั้นองค์พญานาคขนาดใหญ่ ที่มีความพิเศษและได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งเดียวในประเทศไทย คือสามารถเรืองแสงได้เมื่อยามพระอาทิตย์ตกดิน เป็นอีกหนึ่งพิกัดมูเตลูอีสานสุดอันซีนที่ต้องมาให้ได้สักครั้งครับ

 

บทความแนะนำ