วัดมหาธาตุวชิรมงคล งามตระการตา

วัดมหาธาตุวชิรมงคล รูปเจดีย์สีทองประดับด้วยงานศิลปะแบบเดียวกับ ‘พุทธคยา’ ซึ่งตั้งตระหง่านและโดดเด่นภายใน “วัดมหาธาตุวชิรมงคล” วัดที่สวยงามภายใต้พระราชอำนาจของ “พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว”วัดมหาธาตุวชิรมงคล ตั้งอยู่ที่บ้านบางทอง ตำบลนาเหนือ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ สร้างเมื่อ พ.ศ. พ.ศ.2483 บนที่ดินบริจาคโดย นายเพลา ทองสิริ นายมาน เพ็งกิจ และนายน่วม ดำพันธุ์ บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ บริเวณโดยรอบวัดเป็นสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดกระบี่

วัดมหาธาตุวชิรมงคล ประวัติความเป็นมา

วัดมหาธาตุวชิรมงคล เดิมทีวัดนี้ชาวบ้านเรียกว่า “วัดบางทอง” โดยตั้งชื่อตามหมู่บ้านที่วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ วัดบางทอง อุทิศเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2496 โดยพระวิสุงคามสีมา อำเภอวิสุงคามสีมา หน้ากว้าง 30 เมตร ยาว 70 เมตร พิธีปลุกเสกเมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2519 เจ้าอาวาส 4 รูปติดต่อกัน ได้ปกครองมาจนถึงทุกวันนี้

เจ้าอาวาสคนปัจจุบัน (ภาพที่ 4) คือ พระราชวชิรกร (พิศาล ปุรินทโก) ซึ่งถือเป็นบุคคลสำคัญในการพัฒนาวัดบางทองแห่งนี้ เมื่อปี พ.ศ. 2545 หลังจากที่เขามาพักที่วัดบางทองแห่งนี้ เขาคิดว่าวัดแห่งนี้อยู่ในสภาพทรุดโทรมมาก เขาทำมัน อาคารที่มีอยู่เกือบทั้งหมดพังยับเยิน จากนั้นการก่อสร้างอาคารใหม่ก็เริ่มขึ้น ยกเว้นอุโบสถหลัก (อาคารเดิม)

นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษา จึงทรงสร้างอาคารกองการศึกษาธรรมปาลี เพื่อพัฒนาและปรับปรุงกรมปฏิบัติธรรมและวัดบางทองให้เป็นสถานที่เรียนรู้และศึกษาธรรมบาลีแก่พระภิกษุสามเณรทุกท่านที่สนใจ

วัดบางทองมาถึงจุดสำคัญในปี พ.ศ. 2545 เมื่อประชาชนและองค์กรจากพื้นที่ต่างๆ ในจังหวัดกระบี่รวมตัวกันเพื่อร่วมกันจัดทำ “โครงการก่อสร้างสถานที่ทางพุทธศาสนาและพระมหาธาตุเจดีย์ “เฉลิมพระเกียรติ 50 พรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ” ในวัดแห่งนี้ จุดมุ่งหมายคือการถวายเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งต่อมาทรงมีพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ

เมื่อวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2548 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สยามบรมราชกุมารี สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานพระนามว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงวางศิลาฤกษ์แทนพระองค์ โดยพระมหาธาตุเจดีย์. และถวายทองคำแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการดังกล่าว

ต่อมาเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานพระนามใหม่ว่า “วัดมหาธาตุวชิรมงคล” และมีอักษรย่อว่า “ม.ว.ก” บนหน้าจั่วอุโบสถ ในการติดตั้งพระประจำวันเกิดจะใช้พระนาม “พระพุทธทักษิณชัยมงคล”

ปัจจุบันวัดมหาธาตุวชิรมงคล ถือเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญและแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดกระบี่ ดึงดูดพุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศที่มาชื่นชมกันอยู่เสมอเพราะจุดเด่นหลักของวัดนี้คือ “พระมหาธาตุเจดีย์” ซึ่งได้รับอิทธิพลจากเจดีย์ใหญ่แห่งพุทธคยา สถานที่ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ณ เมืองคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย

พระมหาธาตุเจดีย์มีสีทองอร่าม ยืนสูงเด่นอยู่กลางพระอุโบสถ และมีความสูง 95 เมตร ถือเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในภาคใต้บริเวณรอบพระมหาธาตุเจดีย์มีทางเดินหรือ “ระเบียง” ทางเดินล้อมรอบองค์เจดีย์ทั้งสี่ด้าน และมีพระพุทธรูปหลายองค์ประดิษฐานตลอดเส้นทางให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะ เส้นทางนี้ตรงไปสู่เจดีย์ะหว่างเดินเรายังได้ชื่นชมความงามของงานหัตถกรรมไทยที่สร้างลวดลายอันวิจิตรบรรจง รวมทั้งการชมทิวทัศน์โดยรอบด้วย

ในพระมหาธาตุเจดีย์มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางซึ่งโดดเด่นสง่างามในทุกด้าน สิ่งนี้เป็นที่นับถือของคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมสถานที่ทางพุทธศาสนาแห่งนี้ และยังมีจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามอีกด้วย บอกเล่าเรื่องราวของพระพุทธเจ้าและตกแต่งด้วยลายกนกไทยอันวิจิตรประณีตกลิ่นมหาธาตุวชิรมงคล หรือชื่อเดิมคือ “วัดบางทอง” ในหมู่ที่ 3 ตำบลนาเหนือ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ วัดแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงศูนย์กลางพระพุทธศาสนาในจังหวัดกระบี่เท่านั้น แต่ก็กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งเพราะเป็นวัดที่ประดับสถานที่พุทธสถานที่สวยงามและสวยงามต่างๆ สร้างความกระตือรือร้นให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่มาเยือนจุดเด่นของวัดมหาธาตุวชิรมงคลคือพระมหาธาตุเจดีย์ ด้วยความสูง 95 เมตร

วัดมหาธาตุวชิรมงคล ถือเป็นพระมหาธาตุเจดีย์ที่สูงที่สุดในภาคใต้ พื้นที่รอบๆ มหาธาตุได้รับการออกแบบให้ดูเหมือน ‘พุทธคยา’ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ในเขตคยา รัฐพิหารของอินเดียนอกจากนี้ภายในพระมหาธาตุยังตกแต่งด้วยภาพวาดพุทธประวัติอีกด้วย สวยงามตระการตา ภายในวัดยังมีพุทธสถานที่สวยงามหลายแห่งรวมทั้งปฐมเทศนาของพระพุทธเจ้าด้วย หน้ากว้างทับซ้อน 3 เมตรรูปหล่อหลวงปู่ทวด ทรงกลม หน้ากว้าง 9 เมตร 9 นิ้ว งบประมาณในการก่อสร้างวัดแห่งนี้ประมาณ 500 ล้านบาท บนพื้นที่ 111 ไร่ มีชาวพุทธอย่างน้อย 1,000 คนมาเยี่ยมชมทุกวันสำหรับวัดบางทอง เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดกระบี่ สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี 1940 ต่อมาทรงรับพระวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2496 ต่อมาในปี พ.ศ. 2545 คณะสงฆ์ได้ให้ความเห็นชอบ ดังนั้นการสร้างพุทธสถานจึงมีความสำคัญ และพระมหาธาตุเจดีย์เฉลิมพระเกียรติ